พรรคฝ่ายค้านตุรกีชนะการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีของอิสตันบูล ด้วยคะแนนมากกว่า 99% ของพรรค Republican People’s Party (CHP) ลงให้กับผู้สมัคร Ekrem Imamoglu เป็นผู้นำด้วยคะแนน 54% จากการรายงานของสำนักข่าว Anadolu เมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งผู้นำคนใหม่ก็ได้ออกมากล่าวขอบคุณทุกคนว่า “นี่เป็นชัยชนะของชาวตรุกีทุกคน ไม่ใช่สำหรับกลุ่ม หรือพรรคไหนใด”
Binali Yıldırım หัวหน้าพรรค Justice and Development Party’s มีคะแนนประมาณ 45% ซึ่งดูเหมือนว่าจะยอมรับการลงคะแนนหลังจากประกาศผลทางการ โดยเขาได้ออกมากล่าวว่า “ดูเหมือนว่าคู่แข่งของผมจะได้เป็นฝ่ายนำในเกมนี้ ผมต้องขอแสดงความยินดีกับชัยชนะของเขาด้วย การเลือกตั้งครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าระบอบประชาธิปไตยมีอยู่จริงในประเทศของเรา และหวังว่าผู้นำคนใหม่จะรับใช้ประชาชนได้อย่างที่ทุกคนต้องการ รวมถึงพวกเราที่จะเป็นแรงสนับสนุนเขาเช่นกัน”
อำนาจของประธานาธิบดีสั่นคลอน
Erdogan ออกมาร่วมแสดงความยินดีกับ Imamoglu ผ่านทางบัญชี Twitter ของเขาในวันอาทิตย์ แต่เสริมว่าพรรคของเขาจะยังคงทำงานต่อไปตามเป้าหมายหลักที่วางแผนเอาไว้เช่นเดิม ผลของการเลือกตั้งครั้งนี้ ทำให้ Erdogan กำลังสูญเสียอำนาจในมือไปอย่างช้าๆ ในขณะที่ผู้นำหวังว่าจะได้รับการโหวตกลับในเดือนมีนาคม แต่เห็นพรรคของตนพ่ายแพ้ไปต่อหน้า ในขณะที่ AKP ออกมาโวยเรื่องผลการเลือกตั้งว่า มีการฉ้อโกง ทำให้คณะกรรมการการเลือกตั้งตุรกียกเลิกผลการเลือกตั้ง และสั่งให้มีการลงคะแนนใหม่ทั้งหมด
ผลการเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อเดือนมีนาคมเป็นกลายเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของ Erdogan ซึ่งอยู่ในอำนาจมาตั้งแต่ปี 2546 ทำให้พรรค AKP สูญเสียอำนาจให้กับ CHP ในสามเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ ได้แก่ อังการาอิสตันบูล และอิซเมียร์ อิสตันบูลถือเป็นความพ่ายแพ้ที่เจ็บปวดอย่างยิ่งสำหรับประธานาธิบดี ในขณะที่อาชีพทางการเมืองของเขาเริ่มต้นที่นั่น อิสตันบูลเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมากในช่วงปีแรกของ Erdogan เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจกระทบโลกตะวันตก นักลงทุนต่างชาติต่างพากันหอบเงินเข้าสู่ตุรกี เพื่อหวังลงทุนในเศรษฐกิจเกิดใหม่
แต่การไหลของเงินชักงักลง เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมาแข็งแรงขึ้นอีกครั้ง ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของตุรกีอยู่ในระดับคงที่ เศรษฐกิจที่แย่ลงได้เปลี่ยนผู้คนให้หันหลังให้กับ AKP หลังจากความพยายามทำรัฐประหารของกองทัพล้มเหลวในปี 2559 Erdogan และรัฐบาลของเขาได้ปิดกั้นเสรีภาพของพลเมืองทั่วประเทศ ปิดกั้นสื่ออย่างหนัก มีการสั่งจับกุมนักเคลื่อนไหว นักข่าว และนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ต่อจากนี้จะเป็นเรื่องที่น่าติดตามดูอย่างใกล้ชิด ว่าฝ่ายไหนจะวางแผนทำอะไรกันต่อไปในอนาคต