เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2559 มีข่าวที่ทั่วโลกให้ความสนใจคือการระเบิดพลีชีพที่สนามบินที่ใหญ่ที่สุดของตุรกี สนามบินอีสตันบลู ซึ่งแหล่งข่าวต่างประเทศรายงานมาว่าตอนนี้ผู้นำตุรกีเรียกร้องให้ประชาคมโลกผนึกกำลังเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย หลังจากที่มีเหตุระเบิดพลีชีพที่สนามบินนานาชาติอีสตันบลู ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 36 คน และบาดเจ็บมากกว่า 140 คน
ภาพในกล้องวงจรปิดที่สนามบินนานาชาติอตาเติร์กในนครอีสตันบลูของตุรกี จับภาพช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้นด้านในอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ และเหตุการณ์ที่ผู้ก่อการร้ายวิ่งเข้าไปในสนามบินแล้วถูกตำรวจยิงจนล้มลงก่อนที่จะจุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตายขึ้น ส่วนภาพอีกเหตุการณ์ทีเห็นในโลกโซเซียลนั้นเป็นอีกมุมหนึ่งในอาคารผู้โดยสารที่บันทึกภาพโดยนายออสมาร์ ยูคา หนึ่งในผู้โดยสารที่มาถึงสนามบินและใช้กล้องจากโทรศัพท์มือถือบันทึกเอาไว้ได้ ซึ่งในภาพจะเห็นผู้โดยสารพากันหลบหาเพื่อหลบซ่อนตัวกันทันทีหลังจากที่ได้ยินเสียงปืนและเสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วบริเวณอาคาร
จุดที่เกิดเหตุเป็นอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศขาออกโดยผู้ก่อเหตุที่มีทั้งหมด 3 คนเดินทางมาที่สนามบินด้วยรถแท๊กซี่ จากนั้นได้ใช้ปืนกราดยิงผู้คนที่อยู่ด้านภายในตัวอาคารและปะทะกับตำรวจที่ประจำอยู่ในสนามบินก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะจุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตายขึ้น
เหตุก่อการร้ายดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 36 คนและบาดเจ็บ 147 คน ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นชาวตุรกีและมีชาวต่างประเทศรวมอยู่ในจำนวนผู้เสียชีวิตด้วย ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีเปิดเผยข้อมูลใดๆ จากทางการตุรกี
ด้านนายบินารี ยิวดีริม นายกของตุรกี ได้เดินทางมาทีเกิดเหตุและให้สัมภาษณ์ในเรื่องด้านความมั่นคงมีข้อมูลที่บ่งชี้ว่าจะระเบิดพลีชีพที่สนามบินนานาชาติอตาเติร์ก ในนครอีสตัลบลูน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อการร้ายไอเอส แต่ว่าต้องรอการสอบสวนที่ชัดเจนอีกครั้ง
ข้อมุลดังกล่าวสอดคล้องกับนายอับดุลลา อากา ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงในตุรกีที่ระบุว่าการโจมตีในรูปแบบนี้เหมือนกับการโจมตีของกลุ่มไอเอสที่ผ่านๆ มา โดยมีการโจมตีที่ต่อเนื่องในตุรกีอย่างน้อย 5 ครั้ง ที่ทางการตุรกีระบุว่าเป็นฝีมือของผู้ก่อการร้ายกลุ่มไอเอส เพราะว่ากลุ่มไอเอสจะไม่เคยออกมากล่าวอ้างหรือรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น
ขณะที่นายเรเซฟ ไทยีฟ เออดวล ประธานาธิบดีของตุรกีเรียกร้องให้ประชาคมโลกโดยเฉพาะชาติตะวันตกผนึกกำลังต่อต้านการก่อการร้าย ส่วนกระทรวงการต่างประเทศของไทยสรุปว่าสถานทูตไทยในตุรกีได้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นแล้วไม่พบคนไทยได้ผลกระทบการเหตุการณ์ครั้งนี้
การโจมตีในครั้งนึ่คาดว่าจะส่งกระทบต่อการท่องเที่ยวในตุรกีเป็นอย่างมากเนื่องจากสนามบินนานาชาติอตาเติร์ก เป็นสนามบินที่มีการจราจรคับคั่ง มากเป็นอันดับ 3 ของทวีปยุโรปและอันดับที่ 11 ของโลก